วธ.เชิญชวนพุทธศาสนิกชน เข้าร่วมงานส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา พุทธศักราช 2566...

วธ. เชิญชวนพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมงานส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันอาสาฬหบูชา
และเข้าพรรษา พุทธศักราช 2566..
   นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เปิดเผยว่า วันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษาในปีนี้ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา ได้กำหนดจัดกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา พุทธศักราช 2566 ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม ถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2566 เพื่อส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชน ได้น้อมระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย เนื่องในวันอาสาฬหบูชา วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตรงกับวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น 4 ประการ ได้แก่ 1. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนาเป็นครั้งแรก คือ มัชฌิมาปฏิปทาหรือทางสายกลาง และอริยสัจ 4 แก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน 2. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงได้พระสาวก คือ ท่านโกณฑัญญะได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันองค์แรก 3. เป็นวันที่มีพระสงฆ์เกิดขึ้นเป็นรูปแรก 4. เป็นวันเกิดขึ้นของพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครบเป็นครั้งแรก และในวันที่ 2 สิงหาคม ซึ่งตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 เป็นวันเข้าพรรษา ซึ่งเป็นวันสำคัญในพุทธศาสนาอีกวันหนึ่ง เพราะเป็นวันที่พระสงฆ์จะอธิษฐานพำนักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอดระยะเวลาฤดูฝน เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น ตามที่พระวินัยบัญญัติไว้ ที่เรียกว่า “จำพรรษา” กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนาจึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา รักษาศีล ลด ละ เลิก อบายมุข สืบทอดพระพุทธศาสนา สืบสานวัฒนธรรมและประเพณีอันดีของงามของไทย โดยในส่วนกลาง ร่วมกับคณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร หน่วยงานภายในกระทรวงวัฒนธรรม องค์กรเครือข่ายทางศาสนา ภาคเอกชน และสถานศึกษา จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ตักบาตร และถวายเทียนพรรษา ในวันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม 2566 เวลา 07.00 น. ณ กระทรวงวัฒนธรรม เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร โดยนำเทียนพรรษาไปถวาย แก่พระอารามหลวง จำนวน 12 แห่ง ประกอบด้วย วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดไตรมิตรวิทยาราม วัดปทุมวนาราม วัดประยุรวงศาวาส วัดสุทัศนเทพวราราม วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก วัดปากน้ำ วัดกัลยาณมิตร วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ วัดสระเกศ วัดบวรนิเวศวิหาร และวัดเทวราชกุญชร สำหรับพิธีตักบาตร กรมการศาสนา ได้ร่วมสืบสานประเพณีตักบาตรดอกไม้ด้วยดอกเข้าพรรษา ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นที่ถือปฏิบัติสืบทอดกันมาช้านาน เป็นประเพณีควรค่าแก่การอนุรักษ์ รวมทั้งการถวายภัตตาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการด้วยอาหารปรุงสุกเพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีแก่พระภิกษุและสามเณรเพื่อสร้างอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ในช่วงเทศกาลวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาดังกล่าว นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย จากเครือข่ายศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ การสาธิตผลิตภัณฑ์จากชุมชนคุณธรรม และกิจกรรมตอบปัญหาธรรมะออนไลน์ผ่านทาง Facebook กรมการศาสนา ในวันที่ 1 สิงหาคม 2566 ซึ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับของที่ระลึก สำหรับในส่วนภูมิภาค ได้ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศ องค์กรเครือข่ายทางพระพุทธศาสนา และหน่วยงานต่างๆ บูรณาการการจัดกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาตามบริบทของแต่ละพื้นที่ โดยการนำทุนทางวัฒนธรรมมาส่งเสริมการจัดกิจกรรมแบบบูรณาการสืบสานเทศกาล ประเพณี และวัฒนธรรม นำวิถีถิ่น วิถีไทย ภูมิปัญญาท้องถิ่น ของแต่ละภูมิภาคมาจัดกิจกรรมบนฐานของการเรียนรู้แก่นแท้ของหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ กรมการศาสนา ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายด้านศาสนาและวัฒนธรรม รวมถึงภาคประชาชน จัดกิจกรรม “ถวายเทียนพรรษาทางน้ำ เนื่องในเทศกาลวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษาอาเซียน จังหวัดสงขลา” ระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม ถึงวันที่ 2 สิงหาคม 2566 ณ วัดคลองแห อำเภอหาดใหญ่ และวัดสำคัญในอำเภอหาดใหญ่ และอำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา จำนวน 10 แห่ง โดยกิจกรรมประกอบด้วย การหล่อเทียนและการถวายเทียนพรรษา ณ วัดคลองแห จากนั้นลงเรือเพื่อถวายเทียนพรรษาทางน้ำ ณ วัดและสำนักสงฆ์ต่าง ๆ ได้แก่ สำนักสงฆ์ทรายทอง วัดนารังนก วัดอู่ตะเภา วัดชลประธานประสิทธิ์ วัดดอน วัดคูเต่า วัดท่าเมรุ วัดบางโหนด และสำนักสงฆ์แหลมโพธิ์ ซึ่งนอกจากจะมีพุทธศาสนิกชนชาวไทยเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวแล้ว ยังมีพุทธศาสนิกชนชาวอาเซียน ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา และมาเลเซีย เข้าร่วมกิจกรรมอีกด้วย เนื่องจากจังหวัดสงขลาเป็นจังหวัดที่มีชายแดนติดต่อกับประเทศมาเลเซีย โดยการเข้ามาของคนมาเลเซียส่วนใหญ่จะเข้ามาท่องเที่ยวและไหว้สักการะพระพุทธรูปและพระสงฆ์ที่ให้ความเคารพนับถือ รวมทั้งในจังหวัดสงขลายังมีแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเมียนมา กัมพูชา และมาเลเซีย เข้ามาอาศัยในจังหวัดเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวเมียนมา ดังจะเห็นได้ว่า ที่วัดคลองแหได้มีการก่อสร้างเจดีย์ชเวดากองจำลอง เรียกกันว่า เจดีย์ชเวดากองคลองแห หรือเจดีย์ชเวดากองหาดใหญ่ เป็นเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ที่จำลองมาจากเจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา องค์เจดีย์เป็นศิลปะและสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานทั้งไทยและเมียนมาเข้าด้วยกัน มีขนาดกว้าง 20 เมตร สูง 17 เมตร ซึ่งเกิดจากพลังศรัทธาของพี่น้องชาวไทยและชาวเมียนมาร่วมกันบริจาคและสร้างขึ้น เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมียนมา อีกทั้งเพื่อเป็นการตอบแทนผืนแผ่นดินไทยที่ให้แรงงานชาวเมียนมาได้มีโอกาสเข้ามาทำงาน อยู่อาศัย และมีรายได้หาเลี้ยงครอบครัว โดยพบว่าในวันสำคัญทางศาสนาและเทศกาลต่างๆ จะมีชาวเมียนมาเข้ามาร่วมกิจกรรม ณ วัดคลองแห เป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ ได้ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุดรธานีและเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง จัดกิจกรรมหล่อเทียนพรรษา สานสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม ระหว่างวันที่ 1 - 2 สิงหาคม 2566 เพื่อส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวเวียดนามที่อาศัยอยู่ในจังหวัดอุดรธานี ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ดังจะเห็นได้ว่า กิจกรรมทั้งหมดเกิดจากความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน ทั้งภาคคณะสงฆ์ หน่วยงานองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการนำมิติทางศาสนาและวัฒนธรรมมาเป็นสื่อกลางเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่งผลให้เกิดความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างกันทั้งในระดับบุคคล ชุมชน องค์กร และประเทศชาติ ซึ่งสอดคล้องกับเสาหลักด้านประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ในการส่งเสริมให้ประชากรในภูมิภาคสามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยความสันติสุข...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

“แฟคทอรี่ ยาร์ด กรุ๊ป” สยายปีก เปิดสาขาใหม่ที่ลำลูกกา